วันอังคารที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2557
ใครเป็นเก๊าท์บ้าง...มีสูตรง่ายๆมาให้คับ
ใครเป็นเก๊าท์บ้าง...มีสูตรง่ายๆมาให้คับ...(lovely)(lovely)(lovely)
ของดีมาแล้ว.....(แชร์ต่อมา)
ชาตะไคร้ใบเตย แก้โรคเก๊าต์ได้ดีจนเหลือเชื่อ!!
คำบอกเล่าจากหมอพื้นบ้านที่เคารพท่านหนึ่งได้กรุณาให้สูตร
"ชาตะไคร้ใบเตย แก้โรคเก๊าต์"
ปรกติจะมียาสำหรับล้างพิษโลหิตแก้โรคเก๊าต์ให้คนไข้ซึ่งจะมีสมุนไพรทั้งคู่อยู่ในยาอยู่แล้ว แต่สูตรนี้เห็นว่ามีประโยชน์และทำได้เองง่ายๆที่บ้าน แนะนำว่าเป็นของสดๆจะได้ผลดีกว่าหลายเท่าคับ
ส่วนประกอบ
1. ตะไคร้ 4-5 ต้น
2. ใบเตย 2-3 ใบ
3. น้ำสะอาด 2 ลิตร
ต้มสมุนไพรจนเดือด พอเดือดลดไฟลง ต้มต่ออีก 15 นาที ห้ามเปิดฝาโดยเด็ดขาด ครบ 15 นาที ทิ้งไว้ให้เย็น ดื่มแทนน้ำเปล่าติดต่อกัน 1 สัปดาห์ จะล้างกรดยูริคในเลือด สาเหตุของอาการปวดเข่าจากโรคเก๊าต์ได้ดีมากๆแบบไม่ต้องใช้ยาเลยครับ
สูตรนี้ได้รับการยืนยันจากคนไข้เองว่า ได้ผลดีเกินคาด!!
(ผลข้างเคียงคือ ทำให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น หลีกเลี่ยงการดื่มก่อนเข้านอน 2 ชั่วโมงคับ)
Share ต่อๆกันไปคับ ยาง่ายๆ ไม่อันตราย ได้ผลดี และประหยัดเงินเห็นๆ(^^)
️️️️️️️️
วันพุธที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2557
เจ้าดอกไม้อันตรายนี้ มีชื่อว่า Wisteria จัดเป็นพืชตระกูลถั่ว พวกมันพบได้ในหลายพื้นที่ของโลก เช่น จีน ญี่ปุ่น อเมริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้น wisteria แข็งแรงมากและเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว มันเป็นสายพันธุ์ที่รุกรานป่าอื่นในหลายพื้นที่ โดยเฉเพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มันสามารถเจริญเติบโตได้ในดินคุณภาพต่ำ แต่มันชอบดินอุดมสมบูรณ์ชุ่มชื่น เหมือนพืชอื่นๆมากกว่า
มันเป็นพืชที่อาศัยการยึดเกาะติดกับที่ต่างๆเช่น กำแพง หรือต้นไม้อื่น wisteria ที่ใหญ่ที่สุดมีความสูง 20 เมตร หนัก 250 ตัน อยู่ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
ต้น wisteria เป็นต้นไม้ที่มีดอกที่สวยงาม และมีกลิ่นหอม แต่อย่าหลงความสวยของมันล่ะ เพราะหากกินดอกของมันเข้าไปอาจอาเจียน วิงเวียน ปวดหัว จนถึงขั้นช็อกได้
ที่มาhttp://wowboom.blogspot.com/
ปาท่องโก๋เป็นมายังไงใครรู้บ้าง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก วารสาร อพวช. พฤศจิกายน 2555
กระเพาะอาหารเราขยายใหญ่ได้จริงไหม
กระเพาะอาหาร
กระเพาะอาหารอยู่ทางด้านซ้ายของด้านล่างใต้กระบังลม ในสภาพไม่มีอาหารบรรจุอยู่มีปริมาตรเพียง 50 ลูกบาศก์เซนติเมตร แต่เมื่อรับประทานอาหารจะขยายได้ถึง 10 - 40 เท่า แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ฟันดัส ( Fundus) เป็นส่วนที่เป็นรูปโดมคล้ายบอลลูนนูนขึ้น บอดี้ ( Body) เป็นส่วนตรงกลางของกระเพาะอาหาร อยู่ติดต่อกับลำไส้
กระเพาะอาหารมีกล้ามเนื้อหูรูด (Sphincter muscle)
กระเพาะอาหารมีกล้ามเนื้อหูรูด 2 แห่ง คือ
- Cardiac sphincter เป็นกล้ามเนิ้อคล้ายหูรูดส่วนที่ติดต่อกับหลอดอาหาร ป้องกันไม่ให้อาหารที่อยู่ในกระเพาะเคลื่อนที่ย้ายกลับขึ้นไปในหลอดอาหาร
- Pyloric sphincter เป็นกล้ามเนื้อหูรูดที่ติดต่อกับลำไส้เล็กตอนต้น ป้องกันไม่ให้อาหารที่อยู่ในกระเพาะอาหารเคลื่อนที่ลงสู่ลำไส้เล็กเร็วเกินไป
กระเพาะอาหารมีกล้ามเนื้อหูรูด (Sphincter muscle)
กระเพาะอาหารมีกล้ามเนื้อหูรูด 2 แห่ง คือ
- Cardiac sphincter เป็นกล้ามเนิ้อคล้ายหูรูดส่วนที่ติดต่อกับหลอดอาหาร ป้องกันไม่ให้อาหารที่อยู่ในกระเพาะเคลื่อนที่ย้ายกลับขึ้นไปในหลอดอาหาร
- Pyloric sphincter เป็นกล้ามเนื้อหูรูดที่ติดต่อกับลำไส้เล็กตอนต้น ป้องกันไม่ให้อาหารที่อยู่ในกระเพาะอาหารเคลื่อนที่ลงสู่ลำไส้เล็กเร็วเกินไป
ผนังของกระเพาะอาหาร
ผนังของกระเพาะอาหาร ประกอบด้วยกล้ามเนื้อเรียบ 3 ชั้น ชั้นนอกเป็นกล้ามเนื้อเรียบตามยาว ชั้นกลางเป็นกล้ามเนื้อวงตามขวางและชั้นในสุดเป็นกล้ามเนื้อที่วิ่งทะแยงในขณะที่ไม่มีอาหารอยู่ในกระเพาะอาหาร เยื่อชั้นใน ( Mucousmembrane ) จะพับซ้อนไปมาเป็นรอยจีบย่นตามยาวมากมายเรียกว่า รูกี ( Rugae) ซึ่งเป็นประโยชน์ในการเพิ่มพื้นที่ผิวในขณะกระเพาะอาหารขยายตัว ( กระเพาะอาหารไม่มี villus )
ภายในกระเพาะอาหารมีกลุ่มเซลล์ต่อมภายในกระเพาะอาหารมีกลุ่มเซลล็ทึ่สำคัญ 4 ชนิด
- Mucous cell ทำหน้าที่ สร้างน้ำเมือก มีฤทธิ์เป็นเบสไปฉาบผิวของกระเพาะไม่ให้เป็นอันตราย
- Parietal cell หรือ ออกซินติก เซลล์ ( Oxyntic cell ) สร้างกรดไฮโดรคลอริก เข้มข้น เพื่อช่วยในการย่อยอาหาร
- Chief cell หรือ ไซโกมาติก เซลล์ ( Zygomatic cell ) สร้าง มี 3 ชนิด
(1) pepsinogen ( Inactive )
(2) prorennin ( Inactive )
(3) gastric lipase
หน้าที่สำคัญของกระเพาะอาหาร มี 4 ประการ คือ - เป็นที่เก็บอาหารรอการย่อย
- เป็นอวัยวะย่อยอาหาร
- ลำเลียงอาหารเข้าสู่ลำไส้เล็กในอัตราที่พอเหมาะ
- ให้สารที่เรียกว่า Intrinsic factor ซึ่งจำเป็นต่อการดูดซึมวิตามิน B12 สำหรับใช้ในกระบวนการสร้างเม็ดเลือดแดง
- ดูดซึม B12 , ยา , alcohol
* การอาเจียน เกิดจากการหดตัวอย่างรวดเร็วของ กระบังลม และ เกร็งของกล้ามเนื้อหน้าท้องอย่างรุนแรงทำให้ปริมาณช่องท้องลดลงอย่างกะทันหัน ทำให้ความดันในช่องท้องลดลงอย่างรวดเร็วแต่ผิดจังหวะ เพราะหลอดลมเปิดอยู่มีกรดHCl ออกมาพร้อมกันอาจเป็นเพราะได้กลิ่นหรือเห็นภาพไม่พึงประสงค์,การกระแทกอย่างรุนแรง*
+ การที่เนื้อเยื่อด้านในของกระเพาะอาหารไม่ถูกเอนไซม์เพปซินและกรดไฮโดรคลอริกทำลาย เนื่องจาก +
1. มีสารเมือกที่มีทธิ์เป็นเบสเคลือบผนังกระเพาะช่วยป้องกันได้
2. เยื่อบุกระเพาะมีการแบ่งเซลล์ได้อย่างรวดเร็ว เป็นการสร้างเซลล์ขึ้นมาทดแทนพวกที่อาจถูกทำลายไป แต่อย่างไรก็ดี แผลใน กระเพาะอาจเกิดขึ้นได้ ถ้ามีการหลั่งกรดไฮโดรคลอริกออกมามากกว่าปกติ
อาหารจะคลุกเคล้าและถูกย่อยบางส่วนในกระเพาะอาหาร ทำให้มีสภาพค่อนข้างเหลว เรียกว่า (ไคม์ Chyme) แล้วกระเพาะจะบีบตัวให้อาหารผ่านกล้ามเนื้อหูรูดไพโลริกสฟิงค์เตอร์ลงสู่ลำไส้เล็กต่อไป อาหารจะอยู่ในกระเพาะ ประมาณ 3 - 4 ชั่วโมง
ภายในกระเพาะอาหารมีกลุ่มเซลล์ต่อมภายในกระเพาะอาหารมีกลุ่มเซลล็ทึ่สำคัญ 4 ชนิด
- Mucous cell ทำหน้าที่ สร้างน้ำเมือก มีฤทธิ์เป็นเบสไปฉาบผิวของกระเพาะไม่ให้เป็นอันตราย
- Parietal cell หรือ ออกซินติก เซลล์ ( Oxyntic cell ) สร้างกรดไฮโดรคลอริก เข้มข้น เพื่อช่วยในการย่อยอาหาร
- Chief cell หรือ ไซโกมาติก เซลล์ ( Zygomatic cell ) สร้าง มี 3 ชนิด
(1) pepsinogen ( Inactive )
(2) prorennin ( Inactive )
(3) gastric lipase
หน้าที่สำคัญของกระเพาะอาหาร มี 4 ประการ คือ - เป็นที่เก็บอาหารรอการย่อย
- เป็นอวัยวะย่อยอาหาร
- ลำเลียงอาหารเข้าสู่ลำไส้เล็กในอัตราที่พอเหมาะ
- ให้สารที่เรียกว่า Intrinsic factor ซึ่งจำเป็นต่อการดูดซึมวิตามิน B12 สำหรับใช้ในกระบวนการสร้างเม็ดเลือดแดง
- ดูดซึม B12 , ยา , alcohol
* การอาเจียน เกิดจากการหดตัวอย่างรวดเร็วของ กระบังลม และ เกร็งของกล้ามเนื้อหน้าท้องอย่างรุนแรงทำให้ปริมาณช่องท้องลดลงอย่างกะทันหัน ทำให้ความดันในช่องท้องลดลงอย่างรวดเร็วแต่ผิดจังหวะ เพราะหลอดลมเปิดอยู่มีกรดHCl ออกมาพร้อมกันอาจเป็นเพราะได้กลิ่นหรือเห็นภาพไม่พึงประสงค์,การกระแทกอย่างรุนแรง*
+ การที่เนื้อเยื่อด้านในของกระเพาะอาหารไม่ถูกเอนไซม์เพปซินและกรดไฮโดรคลอริกทำลาย เนื่องจาก +
1. มีสารเมือกที่มีทธิ์เป็นเบสเคลือบผนังกระเพาะช่วยป้องกันได้
2. เยื่อบุกระเพาะมีการแบ่งเซลล์ได้อย่างรวดเร็ว เป็นการสร้างเซลล์ขึ้นมาทดแทนพวกที่อาจถูกทำลายไป แต่อย่างไรก็ดี แผลใน กระเพาะอาจเกิดขึ้นได้ ถ้ามีการหลั่งกรดไฮโดรคลอริกออกมามากกว่าปกติ
อาหารจะคลุกเคล้าและถูกย่อยบางส่วนในกระเพาะอาหาร ทำให้มีสภาพค่อนข้างเหลว เรียกว่า (ไคม์ Chyme) แล้วกระเพาะจะบีบตัวให้อาหารผ่านกล้ามเนื้อหูรูดไพโลริกสฟิงค์เตอร์ลงสู่ลำไส้เล็กต่อไป อาหารจะอยู่ในกระเพาะ ประมาณ 3 - 4 ชั่วโมง
ทำไมหอยนางรมถึงเป็นอาหารเจ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)